คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช 2520
นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตร
เมื่อสองเดือนมานี้ คือในวันที่ ๒๔ กันยายน วันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทย ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง นั่นคือ วันมหิดล ซึ่งเป็นวันคล้ายวันทิวงคตสมเด็จพระมหิตลาธิเบศอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงได้รับสมญาพระนามเป็น “พระบิดาแห่งการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย” แม้วันเวลาดังกล่าวได้ล่วงเลยมานับได้ถึง ๔๘ ปีแล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ก็ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำรำลึกของคนไทยตลอดมาตราบเท่าทุกวันนี้
พระบิดาแห่งการแพทย์และสาธารณสุขพระองค์นี้ ได้ทรงมีพระเจตนารมณ์และอุดมการณ์อันสูงส่งต่อกิจการแพทย์ของประเทศไทย ทรงปรารถนาที่จะให้ผู้สำเร็จวิชาแพทย์ทุกคนได้ถึงพร้อมด้วยมนุษยธรรมและจรรยาแพทย์ ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสในวาระหนึ่งว่า “เราไม่ต้องการให้ท่านเป็นแต่เพียงหมอ แต่เราต้องการให้ท่านเป็นมนุษย์ด้วย” กับอีกตอนหนึ่งว่า “ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
แพทย์ไทยเป็นจำนวนมากมายหลายท่านได้จำเริญรอยตามพระยุคลบาทสืบต่อพระเจตนารมณ์ตลอดมาถึงปัจจุบันอย่างน่านิยมสรรเสริญ และหนึ่งในบรรดาท่านผู้ทรงคุณวุฒิ และจริยาวุฒิเหล่านี้ ซึ่งได้ปฏิบัติงานดีเด่นด้วยความยากลำบากตรากตรำเป็นพิเศษก็คือ “นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตร”
นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตร เกิดที่ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ปัจจุบันมีอายุ ๔๔ ปี สำเร็จมัธยมศึกษาจากโรงเรียนในจังหวัดลำปาง เข้ามาศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ และสำเร็จแพทยศาสตรบัณฑิตจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑
นายแพทย์บุญยงค์ฯ ได้เริ่มเข้ารับราชการเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้ย้ายไปประจำโรงพยาบาลจังหวัดสกลนคร และจังหวัดเลย ตามลำดับ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นเขตทุรกันดารและมีการสู้รบกับผู้ก่อการร้ายบ่อยครั้ง เป็นเวลาถึง ๑๗ ปีแล้วที่หมอบุญยงค์ฯ ใช้ชีวิตการเป็นแพทย์อยู่ตามหัวเมืองด้วยความเสียสละ ขยันขันแข็งไม่ชอบการฟุ้งเฟ้อ และอุทิศเวลาเพื่อการงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่รักใคร่นับถือของประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ตลอดมา
นอกจากการใช้ความรู้ความสามารถในด้านเวชปฏิบัติ เอาใจใส่ดูแลรักษาประชาชนผู้ป่วยทางเวชกรรมทั่วไปอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ไม่เลือกเวลา เวรยาม และไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนแล้ว หมอบุญยงค์ฯ ยังเป็นแพทย์ชำนาญทางศัลยกรรมที่มีฝีมือเยี่ยมอีกด้วย ในเขตอันตรายจากผู้ก่อการร้าย เช่นจังหวัดน่านนั้น โรงพยาบาลต้องปฏิบัติการผ่าตัดฉุกเฉินแก่ตำรวจ ทหารและพลเรือนอาสาสมัครที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะสู้รบอยู่เป็นประจำ หมอบุญยงค์ฯ ไม่เคยเหนื่อยหน่ายต่อหน้าที่แม้แต่น้อย ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ ให้แก่การผ่าตัดรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยโดยการลงมือด้วยตนเอง ให้การเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดอย่างเสมอต้นเสมอปลายทุกครั้งคราวไปจนเป็นที่อบอุ่นใจแก่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ถึงกับได้รับขนานนามว่า “ผู้พิทักษ์ยุทธภูมิ” ส่วนทางด้านประชาชนทั่วไปก็ได้รับความเคารพ ความชื่นชมและความร่วมมือเป็นอย่างดี จนเป็นที่กล่าวขานของประชาชนว่า เป็น “ขวัญใจของคนยากไร้”
ในด้านวิชาการ นายแพทย์บุญยงค์ฯ ได้ค้นคิดดัดแปลงเครื่องมือในการให้บริการแก่ผู้ป่วยเจ็บให้สามารถใช้การได้อย่างทันท่วงที ได้อบรมและติดตามเจ้าหน้าที่ทุกคนในโรงพยาบาล ให้เอาใจใส่บริการแก่ผู้ป่วยให้ดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับผู้ก่อการร้าย จนทำให้ขวัญและกำลังใจทหาร ตำรวจ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เกิดความเชื่อมั่นศรัทธาในโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างเต็มที่ เพราะมั่นใจได้ว่า หากได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบ จะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดีเยี่ยม ไม่จำเป็นต้องส่งมารักษาถึงกรุงเทพฯ
ในด้านการบริหารงานของนายแพทย์บุญยงค์ฯ ได้เป็นที่ประจักษ์และยอมรับนับถือของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกระดับ นับตั้งแต่การจัดระบบงาน การบำรุงขวัญ กำลังใจเจ้าหน้าที่ มนุษยสัมพันธ์ การให้ความร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวัด ตลอดจนการให้ความสนับสนุนแก่ศูนย์การแพทย์ และอนามัยต่าง ๆ
การปฏิบัติงานดีเด่นในด้านการให้บริการผู้เจ็บป่วย เป็นผลให้นายแพทย์บุญยงค์ฯ ได้รับการเสนอให้ไปปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่สูงกว่า สะดวกสบายกว่าหลายต่อหลายครั้ง แต่นายแพทย์บุญยงค์ฯ ได้ปฏิเสธไปทุกครั้ง เนื่องจากมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนเพื่อความอยู่รอดของพี่น้องประชาชน ทหาร ตำรวจ และพลเรือนอาสาสมัคร ผู้ต้องเหน็ดเหนื่อยเสี่ยงชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยและเอกราชของประเทศชาติตลอดมา
คนไทยที่มุ่งมั่นตั้งใจอุทิศตนทำความดีและให้บริการอย่างยอดเยี่ยมไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย
โดยถือหลักที่ว่า “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง”
ตามแนวทางของพระบิดาแห่งวงการแพทย์ไทย เช่น นายแพทย์บุญยงค์ วงศ์รักมิตร
ผู้นี้แหละคือบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องให้ “เป็นคนไทยตัวอย่าง”