คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๐
ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร
“วิชากายวิภาคศาสตร์” เป็นวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ซึ่งผู้ที่จะเป็นแพทย์ ต้องศึกษาก่อนที่จะศึกษาวิชาว่าด้วยการตรวจ รักษา และป้องกันโรค วิชานี้หาแพทย์เป็นอาจารย์สอนยาก เพราะผู้สอนจะต้องเป็นผู้เสียสละ อดทน อุทิศตนเพื่องาน ต้องปฏิบัติงานในห้องซึ่งมีศพดองวางเรียงราย หาสิ่งเจริญตาเจริญใจไม่ได้ คนไข้ที่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะระลึกถึงแต่แพทย์เวชปฏิบัติ แพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะโรคที่ทำการรักษาตนเท่านั้น ไม่มีใครระลึกถึงอาจารย์ผู้ทำการสอนวิชาพื้นฐานอันสำคัญยิ่ง แต่ก็ยังมีแพทย์ผู้เสียสละ อุทิศทั้งกำลังกายและจิตใจ ตลอดจนความสุขทั้งมวล เพียรพยายามสั่งสอนวิชานี้เป็นเวลายาวนาน เกิดประโยชน์แก่วงการแพทย์แห่งประเทศไทยอย่างมหาศาล คนไทยคนนั้นคือ “ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร”
ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร อายุ ๘๐ ปี เป็นชาวกรุงเทพมหานคร จบแพทยศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๒ บรรจุเป็นอาจารย์ผู้ช่วยในแผนกกายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ ปฏิบัติงานเรื่อยมา จนเลื่อนเป็นศาสตราจารย์หัวหน้าภาควิชา และเกษียณอายุในปีพุทธศักราช ๒๕๑๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์อุปการะคุณและคงปฏิบัติงานอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งปัจจุบัน ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร นอกจากจะทำการสอนวิชากายวิภาคศาสตร์ให้นักศึกษาหลายสถาบันแล้ว ยังได้ริเริ่มผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการสอนขึ้นใช้เอง โดยไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากมาย เขียนรายงานเกี่ยวกับผลการวิจัยค้นคว้าวิชากายวิภาคศาสตร์ ลงพิมพ์ในวารสารและหนังสือต่าง ๆ มากกว่า ๒๕๐ เรื่อง นอกจากนั้น ยังได้ทำการวิจัยเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ และมานุษยวิทยาของไทย ตลอดจนสร้างพิพิธภัณฑ์และห้องปฏิบัติการก่อนประวัติศาสตร์ให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร ทำงานมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๖ กระทั่งปัจจุบันเป็นเวลา ๕๕ ปีแล้ว โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ นอกจากเงินเดือน บำนาญตามปกติ จึงนับได้ว่าเป็นผู้อุทิศตนเพื่องาน อันเกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง
มูลนิธิธารน้ำใจได้พิจารณาเห็นสมควรยกย่องให้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร
“เป็นคนไทยตัวอย่างประจำปี ๒๕๓๐”