คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๕
นายเทียน ธีระกนก
นักธุรกิจที่ประกอบอาชีพส่วนตัวพร้อมกับการช่วยเหลือสังคม เป็นเรื่องที่กระทำได้ยากที่จะให้ประสบผลสำเร็จทั้งสองประการ แต่ก็ยังมีบุคคลผู้หนึ่งที่สามารถประกอบอาชีพค้าขายพร้อมกับงานสังคมสงเคราะห์ บังเกิดผลสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งธุรกิจส่วนตัว และการช่วยเหลือสังคม บุคคลผู้นั้นคือ “นายเทียน ธีระกนก”
นายเทียน ธีระกนก อายุ ๖๐ ปี เกิดที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันเป็นเจ้าของและผู้จัดการ “ห้างหุ้นส่วนจำกัดโอวเป็งเฮง” ซึ่งตั้งอยู่ในตลาดอำเภอบ้านไผ่ เป็นห้างหุ้นส่วนที่เจริญก้าวหน้ามีฐานะมั่นคง เป็นที่นิยมของประชาชนในบริเวณใกล้เคียง นายเทียนฯ จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ จากโรงเรียนเพิ่มพิทยา อำเภอบ้านไผ่ และได้ไปศึกษาที่โรงเรียน “หนานยางวิทยา” กรุงเทพมหานคร เป็น เวลา ๒ ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ กลับมาช่วยงานค้าขายกับครอบครัว ด้วยความขยันขันแข็ง มานะอดทน กิจการค้าเจริญขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็ประสบโชคร้าย เมื่อเกิดอัคคีภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. ๒๕๐๖ เพลิงเผาผลาญตลาดการค้าของอำเภอบ้านไผ่จนหมดสิ้น รวมทั้งกิจการของครอบครัวนายเทียน ธีระกนก ด้วย
นายเทียนฯ ได้พยายามดำเนินการในเรื่องการค้าขายต่อไป มีเพื่อนพ่อค้าหลายคนแนะนำให้นายเทียนฯ ขอลดหย่อนหนี้สินจากบริษัทห้างร้านที่ส่งสินค้ามาจำหน่าย เพราะการเกิดเพลิงไหม้เป็นเหตุสุดวิสัย แต่นายเทียนฯ ไม่ยินยอม โดยบอกกับเพี่อน ๆว่า เป็นความทุกข์ของเรา จะให้คนอื่นรับผิดชอบได้อย่างไร จากการดำเนินการต่อมา นายเทียนฯ สามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์ ทำให้บริษัททั้งหลายที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายเห็นว่า นายเทียน ธีระกนก เป็นผู้มีความรับผิดชอบสูง มีความซื่อสัตย์สุจริต จึงตั้งให้ นายเทียนฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของตน เป็นเหตุให้กิจการค้าของนายเทียนฯ เจริญมั่นคงขึ้น
ตามปกติ นายเทียน ธีระกนก มีความรักและผูกพันกับสังคมท้องถิ่นบ้านไผ่อย่างแน่นแฟ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ได้ร่วมงานสังคมสงเคราะห์อยู่เสมอ เมื่อฐานะดีขึ้นก็เริ่มช่วยเหลือสังคมทันที ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ มุ่งช่วยเหลือการศึกษาของเยาวชนเป็นหลัก เพราะเด็กที่ได้รับการศึกษาดี โตขึ้นก็จะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ เป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ ได้เริ่มมอบทุนนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมุ่งเน้นในพื้นที่ชนบทที่อยู่ห่างไกลเป็นอันดับแรก จากการที่คลุกคลีอยู่กับโรงเรียนต่าง ๆ นายเทียนฯ เห็นว่าอาคารเรียนหลังหนึ่งของโรงเรียนบ้านนาโปงชำรุด หมดสภาพการใช้งาน จึกชักชวนบริษัทการค้าแห่งหนึ่งมาช่วยสร้างให้จนเป็นที่เรียบร้อย (ต่อมาเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น “จตุรมิตร”) นอกจากการให้ทุนการศึกษาแล้ว นายเทียนฯ ยังได้บริจาคโสตทัศนูปกรณ์ที่จำเป็นแก่การสอนให้โรงเรียนต่าง ๆ ที่ขอความช่วยเหลือ และยังได้ชักชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ช่วยกันสร้างห้องสมุดให้โรงเรียนบ้านไผ่ประถมศึกษาจนสำเร็จเรียบร้อย
นายเทียน ธีระกนก รับทำหน้าที่เป็นผู้ประสานความช่วยเหลือ ระหว่างโรงเรียนในอำเภอบ้านไผ่กับบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เป็นผลสำเร็จอย่างดียิ่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นอุปกรณ์การศึกษาและเครื่องกีฬา นายเทียนฯ เป็นผู้หนึ่งที่ริเริ่มก่อตั้ง “มูลนิธิบ้านไผ่การกุศลสงเคราะห์” และ “พุทธมูลนิธิ” เพื่อเป็นศูนย์กลางรวมน้ำใจประชาชน ช่วยเหลือสังคมและการกุศล และยังได้รวบรวมน้ำใจจากประชาชน สร้างสาธารณสมบัติอื่น ๆ เช่น ศาลาอเนกประสงค์วัดจันทร์ประสิทธิ์ ในด้านสาธารณสุข นายเทียนฯ ได้ร่วมอยู่ด้วยเสมอ เช่น ช่วยเหลือหาทุนเพื่อจัดซื้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลบ้านไผ่ โรงพยาบาลบ้านไผ่ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจซึ่งที่ดินมีราคาแพง มีความประสงค์จะสร้างบ้านพักแพทย์และเจ้าหน้าที่ให้อยู่ใกล้โรงพยาบาล เพื่อตามตัวได้ทันทีเวลามีเหตุฉุกเฉิน แต่หาที่ไม่ได้ นายเทียนฯ เห็นความจำเป็นในเรื่องนี้ จึงบริจาคที่ดินส่วนตัวซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลให้ จำนวน ๒ ไร่ การที่นายเทียน ธีระกนก สามารถประสานงานการช่วยเหลือสังคมได้ผลดี ก็เพราะทำตัวให้เป็นที่เชื่อถือและนิยมชมชอบของชาวบ้านโดยทั่วไป ตลอดจนในวงธุรกิจการค้า และตัวเองก็ได้สละทรัพย์สินส่วนตัวร่วมด้วย ซึ่งนับว่าประสบผลสำเร็จทั้งการประกอบธุรกิจส่วนตัว และงานสังคมสงเคราะห์ส่วนรวมเป็นเวลาติดต่อกันมานานกว่า ๒๐ ปี
มูลนิธิธารน้ำใจได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรยกย่องให้ นายเทียน ธีระกนก
“เป็นคนไทยตัวอย่างประจำปี ๒๕๓๕”