คำประกาศเกียรติคุณคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๙
พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี
“ตำรวจ” เป็นอาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยในสังคมไทย สวัสดิภาพของประชาชนจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนดี นอกจากจะเป็นการเชิดชูคุณค่าของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ รักษากฎหมาย ดูแลสังคมให้เกิดปกติสุขแล้ว ยังจะได้รับการยกย่องสรรเสริญจากประชาชน และได้รับการยึดถือเป็นแบบอย่างจากเพื่อนร่วมอาชีพอีกด้วย ตำรวจผู้นั้นคือ “พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี”
พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี นายตำรวจมือปราบผู้ดำรงฐานะของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์งดงาม ตลอดระยะเวลากว่า ๑๕ ปีแห่งการรับราชการ นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ สมัครใจไปประจำการในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารตามอุดมการณ์ที่วาดหวังจะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีอยู่ไปใช้แก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดเนื้อร้อนใจของพี่น้องประชาชนในชนบทเหมือนอย่างที่ “พันตำรวจโทเสรี เตมียเวส” (ยศขณะนั้น) นายตำรวจรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์ได้เคยคิดเคยทำ จนประสบความสำเร็จ สามารถกอบกู้ขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชนกลับคืนมาได้อย่างดีมาแล้ว แม้กระนั้นปัญหาผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ปัญหาการแย่งชิงมวลชน ตลอดจนการประกอบอาชีพที่ไม่สุจริตของประชาชนบางกลุ่มก็ยังไม่หมดไป
ความเดือดร้อนของสุจริตชนเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ท้าทายต่อประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นอย่างยิ่ง ๖ ปีในบทบาทรองสารวัตรสอบสวนแห่งสถานีตำรวจภูธรอำเภอมุกดาหาร จึงเป็น ๖ ปีแห่งการต่อสู้กับอุปสรรคปัญหา เพื่อเอาชนะสภาวะเดือดเนื้อร้อนใจของประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ที่ตำรวจพึงช่วยได้ เช่น การฝึกอบรมให้รอดพ้นจากอาชญากรรมและยาเสพติด การปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ การสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชนให้ออกมาในทิศทางเดียวกัน และด้วยความรักความเข้าใจที่ก่อเกิดระหว่างกัน ทำให้พื้นที่นั้น ๆ มีความเจริญก้าวหน้า มีความสุขสงบ ตำรวจได้รับความร่วมมือจากประชาชนในเกือบจะทุก ๆ ด้าน ประชาชนช่วยชี้เบาะแสของผู้กระทำความผิด เข้ารับการฝึกอบรมเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดนร่วมในการออกกวาดล้างผู้ก่อการร้าย รวมทั้งต่อต้านผู้มีอิทธิพล ทำให้ปัญหาในพื้นที่เบาบางไปมาก นอกจากนี้ประชาชนที่เคยประกอบอาชีพมิชอบ เช่น การปลูกไร่กัญชาหรือค้าของผิดกฎหมาย ก็หันมาประกอบสัมมาอาชีพมากขึ้น ๆ
นายตำรวจดีเด่นท่านนี้ ได้สร้างผลงานสำคัญ ๆ ไว้แก่พื้นที่ดังกล่าวอีกมากมาย และเมื่อย้ายไปประจำการที่กองกำกับการตำรวจภูธร จังหวัดชลบุรี ในฐานะหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ปัญหาสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การแผ่ขยายอำนาจของกลุ่มอิทธิพล สั่นคลอนสวัสดิภาพของประชาชน ก็เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ท้าทายอำนาจรัฐ ที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะไม่เดือดร้อนใจมิได้เลย ๓ ปีที่จังหวัดชลบุรี จึงเป็นภาวะที่หนักไม่น้อยไปกว่าเมื่อครั้งอยู่อีสาน มือปืนและผู้กระทำผิดถูกจับกุมและดำเนินคดีเป็นจำนวนมาก ประการสำคัญข้าราชการตำรวจซึ่งจะต้องทำหน้าที่คุ้มครองดูแลชาวบ้าน ก็ได้รับการอบรมทางจริยธรรม และได้รับการดูแลด้านความเป็นอยู่ ผ่อนคลายภาระหนี้สิน แก้ไขปัญหาการพัวพันกับผู้มีอิทธิพล ตำรวจจึงมีกำลังใจและความพร้อมที่จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มความสามารถ
ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ท่านนี้ ได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจตรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อย ๒ กองกำกับการ ๑ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ๕ ปีแห่งการคืนกลับสถานศึกษา คือ ๕ ปี แห่งการปลูกฝังจริยธรรมและอุดมการณ์ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จะพิทักษ์รักษาสันติธรรมในสังคมได้ก็ด้วยการมีสันติสุขในตน นอกเหนือจากวิถีชีวิตส่วนตนที่นักเรียนนายร้อยตำรวจยอมรับเป็นแบบอย่าง ผู้บังคับกองร้อยผู้ผ่านพบชีวิตเข้าถึงสัจธรรม ได้ชี้นำให้บุคลากรทุกฝ่ายได้พัฒนาตนด้วยธรรมะ ลด ละ เลิกอบายมุข ใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่าย ใฝ่รู้ และเสียสละ เพื่อหล่อหลอมคุณธรรมให้พร้อมในการก้าวเดินต่อไปในหน้าที่การงาน
ปัจจุบันนายตำรวจท่านนี้ปฏิบัติราชการในตำแหน่ง รองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธร อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม หลังจากโยกย้ายไปเป็นรองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจ ภาค ๒ ในพื้นที่ภาคตะวันออกมาระยะหนึ่ง พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี ได้นำความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งมวลมาพัฒนาการทำงานของตำรวจ ทั้งด้านมวลชนสัมพันธ์ การป้องกันและปราบปรามเหตุร้าย การฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ การพบปะบุคคลในพื้นที่ ฯลฯ ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปีของการรับราชการตำรวจ พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี ยังคงยึดมั่นต่ออุดมการณ์ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ จริงจังตั้งใจเสมอต้นเสมอปลาย เป็นตำรวจดีที่ให้ภาพลักษณ์งดงามของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นำความอบอุ่นอันสมบูรณ์สู่ปวงชน
มูลนิธิธารน้ำใจได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรยกย่องให้ พันตำรวจโทวิศณุ ม่วงแพรสี
“เป็นคนไทยตัวอย่างประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๙”